วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

Participle คืออะไร ความหมาย มีกี่แบบ ใช้อย่างไร ตัวอย่างประโยคพร้อมคำแปล


Participle คือ
รูปของ participle จะเติม ing (คือ present participle) หรือเติม -d / -ed (คือ past participle) ซึ่งโดยปกติหน้าที่ของ participle จะมี 2 อย่าง คือ ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์ (adjective) ขยายคำนาม (noun) โดยการเติม -ing ท้ายคำกริยา หรือทำหน้าที่ participial phrase ก็ได้ เราลองมาดูประเภท และตัวอย่างกัน

1. Present Participle
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
– The patrolman stopped the speeding car.
แปลว่า ตำรวจหยุดรถที่วิ่งเร็วเกินอัตรา
– It was a thrilling game and we enjoyed it very much.
แปลว่า มันเป็นเกมที่ตื่นเต้นเร้าใจและพวกเราชอบมันมาก
* สิ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรสังเกต
participle คือ กริยาเติม ing ในตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน ทำหน้าที่คุณศัพท์ขยายคำนาม อย่างเช่น the speeding car และ a thrilling game

2. Participial phrase with noun object
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
– The letter, containing many errors, had to be retyped.
แปลว่า จะหมายนั้นมีข้อผิดพลาดมากมายจะต้องถูกพิมพ์ใหม่
– The shirt, having many holes, had to be mended.
แปลว่า เสื้อตัวนั้นมีรูเยอะ จำเป็นต้องได้รับการปะชุน
* สิ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรสังเกต
participle คือ กริยาเติม ing ในตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน ทำหน้าที่เป็นวลีที่ใช้กบ noun object อย่างเช่น containing many errors และ having many holes

3. Past Participle
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
– The increased demand for the product made the price rise.
แปลว่า ความต้องการผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
– The wounded animal disappeared into the forest.
แปลว่า สัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บหายเข้าไปในป่า
* สิ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรสังเกต
participle คือ กริยาเติม ed ในตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน ทำหน้าที่เป็นคำคุณศัพท์แต่อยู่ในรูปของ passive (ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ)
ศึกษาโครงสร้างรูปประโยค
* The wounded animal คือ The animal was wounded
* The increased demand คือ The demand was increased

4. Past participle phrase of an irregular verb
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
– A new play, written by a famous playwright, opened last night at the National Theatre.
แปลว่า บทละครเรื่องใหม่ที่เขียนโดยนักประพันธ์ละครที่มีชื่อเสียง ได้เปิดการแสดงเมื่อคืนที่โรงละครแห่งชาติ
– She looked at him strangely, puzzled by the question he had asked.
แปลว่า หล่อนมองเข้าอย่างประหลาดใจ สงสัยต่อคำถามที่เขาถาม

* สิ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรสังเกต
participle คือ กริยาเติม ed ในตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษด้านบน ทำหน้าที่เป็นคำกริยาในรูปของ passive (ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ)
– A new play, written by a famous playright คือ
= A new play which was written by a famous playwright.
คำศัพท์น่ารู้
playwright (เพล’ไรทฺ) n. นักเขียนบทละคร,อาชีพการเขียนบทละคร

5. Perfect Participle
เรียนภาษาอังกฤษจากตัวอย่างประโยค
– Having read the book, I returned it to the library.
แปลว่า หลังจากอ่านหนังสือเล่มนั้นจบ ฉันก็นำไปคืนห้องสมุด
– Having left the house, I felt much better.
แปลว่า หลังออกจากบ้านหลังนั้น ฉันก็รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
* สิ่งที่ผู้เรียนภาษาอังกฤษควรสังเกต
รูปโครงสร้าง perfect participle อย่างเช่น having read และ having left สามารถวิเคราะห์แยกออกมาได้ดังนี้
ศึกษาโครงสร้างรูปประโยค
– Having read the book, I returned it to the library. คือ
After I had read the book, I returned it to the library.
– Having left the house, I felt much better. คือ
After I had left the house, I felt much better.

การเติม ed และ ing ต่างกันอย่างไร แปลว่าอะไร ใช้อย่างไร
เติม – ing  แสดงว่านามนั้นเป็นผู้กระทำกริยา  หรือ

เติม – ed แสดงว่านามนั้นเป็นผู้ถูกกระทำ
-ed กับ -ing ต่างกันอย่างไร
มาดูความหมาย วิธีใช้ และตัวอย่างประโยคกันครับ

การเติม -ed
use to describe how people feel
ใช้สำหรับบรรยายความรู้สึกของคน
bored = (รู้สึก) เบื่อ
interested = (รู้สึก) สนใจ
excited = (รู้สึก) ตื่นเต้น
confused = (รู้สึก) สับสน
surprised = (รู้สึก) แปลกใจ
frustrated = (รู้สึก) ท้อแท้
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
Jimmy had nothing to do. He was very bored.
จิมมี่ไม่มีอะไรทำ เขาเบื่อมาก

การเติม -ing
use to describe something that causes an emotion
ใช้สำหรับอธิบายบางสิ่งที่เป็นสาเหตุให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกนั้น
boring = น่าเบื่อ
interesting = น่าสนใจ
exciting = น่าตื่นเต้น
confusing = น่าสับสน
surprising = น่าแปลกใจ
frustrating = น่าท้อแท้, น่าผิดหวัง
ตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษ
The movie was interesting. I want to watch it again.
หนังเรื่องนั้นน่าสนใจ ฉันอยากดูอีก

Present Participles
กริยาที่เติม – ing  โดยวางอยู่หน้าคำนาม  แสดงว่าเป็นผู้
กระทำกริยานั้น  และเป็นวลีที่ใช้รวมประโยค Simple Sentence 2 ประโยคเข้าเป็นประโยคเดียวกันได้
ตำแหน่งและหน้าที่ของ Present Participles
1. วางอยู่หน้าคำนาม   จะเป็นดังรูป   V.ing + noun
Mary is a working woman.
2. เป็นวลีอยู่หน้าคำอื่นๆ  ดังรูป   V.ing + word or words  ซึ่งประโยค Simple Sentence 2 ประโยคที่มีประธานเป็นคนเดียวกันมารวมกันเป็นประโยคเดียวกัน  โดยตัดประธานอีกตัวทิ้ง กริยาที่เกิดก่อนทำเป็น V.ing
Seeing her father, Mary ran away.
มาจาก   Mary saw her father. และ  Mary ran away.
Past Participles
Past Participles  คือกริยาช่องที่ 3 ที่วางไว้หน้าคำนามเพื่อแสดงว่านามนั้นเป็นผู้ถูกกระทำ และเป็นวลีที่ใช้รวมประโยค Simple Sentence 2 ประโยคเข้าเป็นประโยคเดียวกัน

ตำแหน่งและหน้าที่ของ Past Participles
1.   วางอยู่หน้าคำนาม (V3 + noun) หรือ หลังคำนาม (noun + V3)  เมื่อเป็น transitive verb  ( กริยาที่ต้องมี
กรรมมารับ) หรือ วางไว้หน้าคำนามที่เดียวเท่านั้น เมื่อเป็น intransitive verb ( กริยาที่ไม่ต้องมีกรรมมารับ) ตัวอย่างเช่น
transitive verb :
The car which was stolen last week is mine.
จะได้   The car stolen last week is mine.
The stolen car last week is mine.
intransitive verb :
Please change the flowers which were faded in the living room.
จะได้  Please change the faded flowers in the living room.
2.   วางอยู่หลัง verb to be จะเป็น passive voice (is, am, are, was, were + V.3)  เช่น
John was punished by his teacher.
3.   เป็นวลีที่อยู่หน้าคำอื่น ๆ (V.3 + word or words) โดยรวมประโยค Simple Sentence 2 ประโยคเข้าด้วยกันเป็นประโยคเดียว  โดยตัดประธานออก 1 ตัว กริยาที่เกิดก่อนทำเป็น V.3 เช่น
He was punished by his teacher.  He cried loudly.
Punished  by his teacher, he cried loudly.
4.   Past Participle ใช้  Adverb  ขยายได้ (Adv. + past participle + noun) เช่น
a well-designed dress

การรวมประโยค Simple Sentence
1.   เมื่อประธานเป็นตัวเดียวกัน   มีหลักดังนี้
– ถ้าประธานเป็น noun และ pronoun  ให้ตัดประธานที่เป็น pronoun  ทิ้ง
– ถ้ากริยาที่เกิดขึ้นก่อนเป็น active form และเป็น past simple tense  ให้เปลี่ยนกริยาเป็น present participle ( V-ing) เช่น
He believed in her story.  He gave her hundred baht.
Believing in her story, he gave her hundred baht.
– ถ้ากริยาที่เกิดขึ้นก่อนเป็น passive form อยู่ในรูป  Verb to be + V3 ให้ตัด Verb to be ออกให้เหลือ V3 (past participle) หรือใช้  being + V3  เช่น
She was arrested by the police.  She was sent to the prison.
Arrested by the police, she was sent to the prison.
Being arrested by the police, she was sent to the prison.
– ถ้ากริยาที่เกิดขึ้นก่อนเป็น active form และเป็น past perfect tense คืออยู่ในรูป had + V3  ให้เปลี่ยน had  เป็น having  หรือตัด had ทิ้งแล้วเปลี่ยน V3 เป็น V-ing
He had worked hard all week.  He felt tried.
Having worked hard all week, he felt tried.
Working hard all week, he felt tried.
2. เมื่อประธานไม่ใช่ตัวเดียวกัน  มีหลักดังนี้
– ไม่ตัดประธานของทั้ง 2 ประโยคออก
– ถ้ากริยาที่เกิดก่อนเป็น Active form  อยู่ในรูป past simple tense ให้เปลี่ยนกริยาเป็น (had + V3) และเปลี่ยน had  ให้เป็น having  เช่น
She walked in the park.  A dog bit her.
She having walked in the park, a dog bit her.
– ถ้ากริยาที่เกิดก่อนเป็น Passive form ( verb to be + V.3)ให้เปลี่ยน เป็น had been + V.3 แล้วเปลี่ยน had  เป็น having
She was taken to hospital.  The doctor examined her.
She having been taken to hospital, the doctor examined her.
– ถ้ากริยาที่เกิดก่อนเป็น Active form อยู่ในรูป had + V.3 ให้เปลี่ยน had  เป็น having
He had worked for five days.  His job was finally finished.
He having worked for five days, his job was finally finished.

แหล่งที่มาข้อมูล
http://www.tonamorn.com/english/grammar/participle/
http://www.tonamorn.com/เรียนภาษาอังกฤษ/participles/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น