วันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2560

Active Voice กับ Passive Voice คืออะไร


Active Voice กับ Passive Voice คืออะไร

ได้ยินคำเหล่านี้แล้วอย่าเพิ่งงงนะครับ มันเป็นแค่ชื่อเรียกเท่านั้น จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือการมาเรียนรู้โครงสร้างของประโยค ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร แตกต่างจากโครงสร้างของภาษาเราอย่างไร

สองคำนี้เป็นชื่อเรียกประโยคในภาษาอังกฤษที่มีความแตกต่างกันสองชนิดดังนี้

Active Voice หมายถึงประโยคที่ประธานเป็นผู้กระทำ  (ใคร ทำอะไร) เช่น

Thai people eat rice. คนไทยกินข้าว (ประธานคือ คนไทย)

Passive Voice หมายถึงประโยคที่ประธานเป็นผู้ถูกกระทำ (ใคร ถูกทำ) เช่น

Rice is eaten by Thai people. ข้าวถูกกินโดยคนไทย (ประธานคือ ข้าว)

โครงสร้าง Passive Voice เป็นอย่างไร มีเท่าไหร่

โครงสร้างก็คล้ายกับ Active Voice ( Tense ทั้ง 12 ที่ได้เรียนไปแล้ว ) เพียงแค่มี Verb to be มาคั่น และกริยาหลักคือ ช่อง 3 หมดเลย และมีอยู่ทั้งหมด 12 รูปแบบประโยคเช่นกัน

ถ้าจะพูดให้ฟังใหม่ก็คือว่า Tenseย่อย มี 12 ตัว  แต่ละตัวสามารถแบ่งออกเป็นสองชนิด ดังนี้

Present Tense

Present simple tense (Active voice )
Present simple tense (Passive voice )
Presenst continuous tense (Active voice)
Presenst continuous tense (Passive voice)
Present perfect tense (Active Voice)
Present perfect tense (Passive Voice)
Present perfect continuous tense (Active Voice)
Present perfect continuous tense (Passive Voice)
ยกตัวอย่างแค่ Present Tense ให้ดูนะครับ นับดูแล้วได้ 8 เพราะมันมีโครงสร้างที่ต่างกัน รวมกับ Past Tense อีก 8 และ Future Tense อีก 8 รวมเป็น 24 โครงสร้าง

ดังนั้น ถ้ามีคนถามเกี่ยวกับเรื่อง Tense ให้อธิบายดังนี้

Tense ใหญ่ๆ มี 3 Tense คือ Present Tense / Past Tense  / Future Tense
แต่ละ Tense แบ่งย่อยออกเป็น 4 Tense ย่อย คือ Simple / Continuous / Perfect / Perfect Continuous
แต่ละ Tense ย่อย แบ่งรูปแบบประโยคออกเป็น 2 ชนิด คือ Active Voice / Passive Voice
ดังนั้น ถ้าเราจะเรียนเรื่อง Tense เราต้องเรียนรู้โครงสร้างที่ต่างกัน 24 โครงสร้าง
แต่จริงๆแล้ว ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมดหรอก เอามาใช้จริง ไม่ถึงครึ่งเลย คอนเฟิร์ม
 แล้ว Tense 12 ที่เรียนมาแล้วคืออะไร

Tense ทั้ง 12 ที่เรียนไปแล้วเป็นประโยค Active Voice คือ ประธานเป็นคนกระทำทั้งหมด โดยไม่พูดถึง Passive Voice เลย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ โครงสร้าง Active Voice เสียก่อน ถ้าเข้าใจดีแล้ว การเรียนรู้ Passive Voice ก็จะไม่ยากเท่าไหร่ เพราะต่างกันแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าให้เรียนรู้ควบกับไปเลยทั้งหมด เดี๋ยวจะงงกันเสียเปล่าๆ

เหตุผลที่ให้เรียนโครงสร้าง Active Voice ให้เข้าใจก่อนนั้นก็เพราะว่ามันเป็นหัวใจของภาษาอังกฤษนั้นเอง ถ้าเข้าใจตรงนี้แล้ว ภาษาอังกฤษก็จะเป็นเรื่องง่ายๆทันที เพราะผู้เรียนสามารถอ่านเนื้อหาต่างๆที่เป็นภาษาอังกฤษได้แล้ว อาจติดขัดบ้างที่คำศัพท์ก็สามารถใช้ดิกชันนารีช่วยได้

ตัวอย่างประโยค

Present Tense

Thai people grow rice in rainy season. คนไทยปลูกข้าวในฤดูฝน (ใครปลูกข้าว ก็คนไทยไง)
Rice is grown in rainy season. ข้าวถูกปลูกในฤดูฝน (ใครปลูกไม่สน สนแต่ว่าปลูกเมื่อไหร่)
Rice is grown by Thai people. ข้าวถูกปลูกโดยคนไทย (ปลูกเมื่อไหร่ไม่สน สนแต่ว่าใครปลูก)

That woman is hitting a cat. หญิงคนนั้นกำลังตีแมว (ใครตี ก็ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นคนตี)
A cat is being hit. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตี (ไม่ต้องการรู้ว่าใครตี ต้องการรู้แค่ว่าแมวโดนตี)
A cat is being hit by that woman. แมวตัวหนึ่งกำลังถูกตีโดยผู้หญิงคนนั้น (ตัวนี้เป็นประโยคสมบูรณ์ แต่นิยมใช้ด้านบน)

He has built the house for two years. เขาได้สร้างบ้านมาแล้วเป็นเวลาสองปี
The house has been built for two years. บ้านได้ถูกสร้างมาแล้วเป็นเวลาสองปี

Past Tense

We grew rice yesterday. พวกเราปลูกข้าวเมื่อวานนี้
Rice was grown yesterday. ข้าวถูกปลูกเมื่อวานนี้

Future Tense

We will grow rice tomorrow. เราจะปลูกข้าวพรุ่งนี
Rice will be grown tomorrow. ข้าวจะถูกปลูกพรุ่งนี้

ถึงแม้จะมีตั้ง 12 แต่ใช้จริงแค่ 4-5 อันตามตัวอย่างแค่นั้นแหละ เดี่ยวค่อยมาเรียนรู้ทีละอันนะครับ

 Passive Voice ยากไหม

ถ้าศึกษาเรื่อง Tense 12  ตัว เข้าใจแล้ว ตัวนี้จะเป็นเรื่องกล้วยๆ ทันที



หลักการใช้ Passive Voice ทั้ง 12 ตัว จำหลักการได้ ก็ง่ายเอง

สำหรับคำกริยาที่จะนำมาใช้ในประโยค Passive Voice ต้องเป็นคำกริยาที่มีกรรมเท่านั้น เพราะคำแปลจะต้องมีคำว่า ใครหรืออะไร ถูกทำอะไรเสมอ ส่วนคำว่า by ที่แปลว่าโดย บางครั้งอาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับผู้พูด และบางประโยคไม่ต้องมีเลยก็ได้ เช่น

A fish was eaten. ปลาถูกกินไปแล้ว ประโยคนี้ต้องการสื่อแค่ว่าปลาถูกกิน ส่วนอะไรกินปลานั้นไม่สน

A fish was eaten by a cat. ปลาถูกกินไปแล้วโดยแมวตัวหนึ่ง ประโยคนี้เป็นการสื่อความแบบสมบูรณ์

Mr. Tom was arrested yesterday. นายทอมถูกจับกุมเมื่อวานนี้ ประโยคนี้ไม่ต้องใช้ by เพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่จับกุมคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ

My watch was stolen last night. นาฬิกาของฉันถูกโขมยเมื่อคืน ประโยคนี้ก็ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าใคร เพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นโจรย่องเบาแน่นอน

Present Tense

Present Simple Tense (ใช้บ่อย)
Rice is eaten by me. ข้าวถูกกินโดยฉัน
Present Continuous Tense (ใช้ไม่บ่อยเท่าไหร่หรอก)
Rice is being eaten by me. ข้าวกำลังถูกกินโดยฉัน
Present Perfect Tense (นานๆเห็นที)
Rice has been eaten by me. ข้าวถูกกินแล้วโดยฉัน
Present Perfect Continuous Tense (ไม่ต้องใช้ก็ได้)
Rice has been being eaten by me. ข้าวกำลังถูกกินแล้วโดยฉัน

Past Tense

Past Simple Tense (ใช้บ่อยเหมือนกัน)
Rice was eaten by me. ข้าวได้ถูกกินโดยฉัน
Past Continuous Tense (ไม่ค่อยจะเห็นเลย)
Rice was being eaten by me. ข้าวได้ถูกกำลังกินโดยฉัน
Past Perfect Tense (ไม่ค่อยจะเห็นอีกแหละ)
Rice had been eaten by me. ข้าวได้ถูกกินแล้วโดยฉัน
Past Perfect Continuous Tense (ไม่ต้องใช้ก็ได้)
Rice had been being eaten by me. ข้าวได้กำลังถูกกินแล้วโดยฉัน

Future Tense

Future Simple Tense (ใช้บ่อยเหมือนกัน)
Rice will be eaten by me. ข้าวจะถูกกินโดยฉัน
Future Continuous Tense (ไม่ต้องใช้ก็น่าจะได้)
Rice will be being eaten by me. ข้าวจะกำลังถูกกินโดยฉัน
Future Perfect Tense (ไม่ต้องใช้ก็ได้นะ)
Rice will have been eaten by me. ข้าวจะถูกกินแล้วโดยฉัน
Future Perfect Continuous Tense (ไม่ต้องใช้เลยก็ได้)

Rice will have been being eaten by me. ข้าวจะกำลังถูกกินแล้วโดยฉัน


แหล่งที่มาข้อมูล
  ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/active-voice-กับ-passive-voice-คืออะไร-ที่นี่มีคำตอบ/
  ภาษาอังกฤษออนไลน์.com/หลักการใช้-passive-voice-ทั้ง-12-ตัว-จำหลักการได้-ก็ง่ายเอง/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น